2551-08-30


วิกฤตการณ์ความวุ่นวายคนไทยทำร้ายกัน


ก่อนอื่นที่จะเริ่มเขียนบล็อกขอถามก่อนหนึ่งประโยค "สบายดีมั้ย...ไทยแลนด์"

หลายวันที่ผ่านมาหลังจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การเดินขบวนของกลุ่มพันธมิตรฯ บุกเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ NBT และทำเนียบรัฐบาลเราได้ติดตามข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อ่านข่าวแต่ละวันก็เจอพาดหัวข่าวที่ดูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจากการปะทะกันของตำรวจและกลุ่มผู้ชุมนุม

"รัฐตำรวจชิมลางตำราโหด อ้างสับเปลี่ยนกำลังไล่ตีพันธมิตรฯ"
"สมุนทรราช อำนาจบาตรใหญ่ ไล่ตีปชช.มือเปล่า"
"ตำรวจผู้ร้าย! ตีประชาชนแต่กลับบอกละมุนละม่อม"
"ตร.รุนแรงเกินเหตุ ปืนจ่อหัวผู้ชุมนุม! บังคับออกนอกทำเนียบ"


พอได้อ่านข่าวแล้วคำถามต่างๆก็เริ่มเกิดขึ้นท่อนหนึ่งของเพลงชาติไทยร้องว่า "ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด" ตกลงว่าคนไทยรักสงบหรือรักความรุนแรงกันแน่ ส่วนที่ว่ารบไม่ขลาดก็คงจะจริง เพราะยิ่งไทยรบกับไทยกันเองยิ่งมีคนสนับสนุนเยอะ

ส่วนนึงเราเห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรที่ไม่อยากให้ประเทศชาติล่มจม ไม่อยากให้ถูกใครโกงกิน แต่หลังๆมานี้เหตุการณ์มันเริ่มยืดเยื้อจากแค่การชุมนุมโดยสงบ กลายเป็นการเดินขบวน การบุกเข้ายึดสถานที่ราชการ การปิดเส้นทางการจราจร และการก่อเหตุความวุ่นวาย นั่นอาจจะมาจากเหตุผลที่รัฐบาลไม่ทำตามความต้องการของกลุ่มผู้เรียกร้อง

ฝ่ายรัฐบาลสำหรับผลงานนับว่าไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะแก้ปัญหาอะไรหลายๆอย่างไม่ได้และยังมีเรื่องของข้อกังขาที่ว่าเป็น "รัฐบาลหุ่นเชิด" ให้ผู้นำคนก่อนได้มีอำนาจอีกครั้ง คุณสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนล่าสุดนับว่าเป็นคนที่ กล้าพูด กล้าชน ทำให้บางครั้งอาจเกิดความไม่พอใจกัน


จุดยืนของกลุ่มพันธมิตรที่แถลงการณ์ออกมาคือ

“คัดค้านและประณามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลบล้างความผิดของตนเองและพวกพ้อง” และ "โค่นระบอบทักษิณ ไล่รัฐบาลอันธพาลหุ่นเชิด"

เหตุการณ์ครั้งนี้จะยืดเยื้อไปอีกนานแค่ไหนเมื่อเกิดการปะทะกันเริ่มขึ้น มีทั้งตำรวจบาดเจ็บ ประชาชนบาดเจ็บ แต่ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นคนไทยด้วยกันไม่ใช่หรือ การหันหน้าเข้าหารือกันอาจเป็นเรื่องยากในเวลานี้แล้วเมื่อไหร่ความสงบจะเกิดขึ้น

นี่คือประวัติศาสตร์ของจุดเปลี่ยนการเมืองไทยใช่หรือไม่? หรือเป็นจุดเปลี่ยนการกลับไปสู่การบันทึกประวัติศาสตร์เหตุการณ์ดังเช่นเหตุการณ์ครั้ง 14 ตุลา ,6 ตุลา หรือ พฤษภาทมิฬ

ไม่มีใครอยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมที่ "คนไทยต้องมาฆ่ากันเอง"


เมืองไทยวันนี้...มันเกิดอะไรขึ้น




ขอบคุณภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์

2551-08-28

รัฐตำรวจชิมลางตำราโหด อ้างสับเปลี่ยนกำลังไล่ตีพันธมิตรฯ


รัฐตำรวจเริ่มปฏิบัติการงัดตำราโหดออกมาสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ อ้างการสับเปลี่ยนกำลัง นำเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธครบมือพยายามบุกเข้าทำเนียบ จนถูกการ์ดและมวลชนพันธมิตรฯ สกัดกั้น จึงฉวยโอกาสใช้กระบองไล่ตี ไล่ตีผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ บาดเจ็บหลายราย

ขอบคุณข้อมูล ผู้จัดการออนไลน์





จากข่าวนี้ทำให้เราได้มองย้อนไปถึงเหตุการณ์การต่อสู้ของประชาชนในอดีตทั้งเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 , 6 ตุลา 2519 และ พฤษภาทมิฬ 2535 ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดความรุนแรงถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อทั้งสิ้น

ถึงแม้เหตุการณ์ปัจจุบันของฝ่ายพันธมิตรและฝ่ายรัฐบาลจะยังไม่ไปถึงขั้นเหตุการณ์ครั้งก่อน เพราะฝ่ายพันธมิตรยืนยันที่จะใช้สันติวิธี ไม่มีการใช้อาวุธใดๆทั้งสิ้น


แต่.......... จากภาพข่าวที่เราได้เห็นกันมันไม่ใช่อย่างที่ฝ่ายพันธมิตรกล่าวไว้ทั้งหมด
มีการบุกยึดสถานีโทรทัศน์ทำร้ายผู้สื่อข่าว และบุกยึดทำเนียบรัฐบาล
สถานการณ์เช่นนี้คงไม่จบลงง่ายๆ เมื่อฝ่ายรัฐบาลเริ่มตอบโต้กลับบ้าง

หรือนี่! จะเป็นสัญญาณเตือนว่าการเรียกร้องอย่างสันติวิธีอาจจะใช้ไม่ได้ผล
เหตุการณ์อาจจะทำให้เกิดการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นดังเช่นเหตุการณ์ก่อนๆ

นอกจากนี้แกนนำทั้ง 9 คนของฝ่ายพันธมิตรได้ถูกหมายจับในข้อหาใหญ่คือ "กบฎ" เหตุการณ์เริ่มคล้ายกันกับเมื่อครั้ง 14 ตุลา 16 แต่เราก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป

ในฐานะที่เราเป็นส่วนเล็กๆที่มาเขียนแสดงความคิดเห็นบน blogger เราไม่อยากเห็นคนไทยทำร้ายคนไทยด้วยกันเองเหมือนเช่นครั้งก่อนๆ ถึงแม้คนที่เสียชีวิตจะถูกเรียกและยกย่องว่า "วีรชน" แต่มันคงไม่คุ้มกันที่คนไทยมาทำร้ายกันเอง



เมืองไทยวันนี้...อยากเห็นคนไทยรักกัน

2551-08-27


ศาลอนุมัติหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตร ข้อหาเป็นกบฎ


วันนี้ (27 สิงหาคม) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนนำคำร้องขออนุมัติออกหมายจับ 5 แกนนำ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งหลังจากทราบข่าวบรรดาแกนนำพันธมิตรฯ และกลุ่มผู้ชุมนุม ต่างเฝ้ารอว่าศาลจะอนุมัติหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ ตอนไหน โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ได้ลงไปนั่งปะปนกับบรรดากลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ภายในทำเนียบรัฐบาล และยืนยันจะให้จับตัวไปโดยไม่มีการต่อสู้ขัดขืน

ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า จะรอให้ตำรวจมาจับกุมตัวในทำเนียบรัฐบาล แต่ท้าหาตัวให้เจอ พร้อมยืนยันจะไม่ใช้ฝูงชนเป็นโล่กำบังตัว และหากถูกออกหมายจับก็ไม่ขอประกันตัว และอย่าได้ตกใจหากตนถูกจับ เพราะเคยถูกจับมาแล้ว เมื่อครั้งเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 ซึ่งก็ไม่ได้เสียชีวิตแต่อย่างใด

ทางด้านนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ยินดีให้จับ ไม่หนีและไม่ไปมอบตัว เราถือว่าทำหน้าที่พลเมืองในการปกป้องอธิปไตย พิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ และต้านคนโกงชาติ โดยเป็นไปตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ มติ 5 แกนนำ คือ หากตำรวจอยากจับก็ให้มาจับ แกนนำจะอยู่ทำเนียบรัฐบาลตลอด เราจะไม่ใช้ประชาชนเป็นโล่กำบัง แต่ถ้าประชาชนต้องการปกป้องผู้นำก็เป็นสิทธิของเขาที่ปกป้องคนที่ทำความดี งานนี้ถ้าต้องเสียเลือดเสียเนื้อจากการจับกุมแกนนำตำรวจต้องรับผิดชอบ เพราะประชาชนไม่มีอาวุธ และจะไม่ยื่นขอประกันตัว



อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า ศาลได้มีคำสั่งอนุมัติให้ออกหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ จำนวน 9 คน (อนุมัติให้จับเพิ่มมากกว่าคำขออีก 4 คน) ในข้อหาหนัก คือ

1. ในความผิดฐานใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร หรือ อำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113

2. สะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการ หรือ สมคบกันเพื่อเป็นกบฏ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี มาตรา 114

3. มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามมาตรา 215 และ 216

สำหรับผู้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขออนุมัติออกหมายจับประกอบด้วย

1. นายสนธิ ลิ้มทองกุล
2. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
3. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
4. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
5. นายพิภพ ธงชัย
6. นายสุริยะใส กตะศิลา
7. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์
8. นายอมร อมรวัฒนานนท์
9. นายเทิดภูมิ ใจดี

ขณะที่ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แถลงข่าวขอให้กลุ่มพันธมิตรถอนตัวออกจากทำเนียบรัฐบาลเนื่องจากในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ รัฐบาลได้จัดให้มีพิธีพระราชทานธงสัญลักษณ์ในโครงการจากวันแม่ถึงวันพ่อ 116 วัน ราชสามัคคี โดยจะมีพระราชพิธีสำคัญ คือ การพระราชทานธงให้กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐบาลมีความจำเป็นต้องจัดสถานที่ที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้สมพระเกียรติ และเป็นพระราชพิธีที่สำคัญ

"ผมขอร้องให้กรุณาออกจากทำเนียบฯ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แต่ไม่อยากจะเรียกว่ายื่นคำขาด อยากจะบอกว่าขอร้องในนามของเพื่อนข้าราชการตำรวจทั้งหมด ที่มีภาระหน้าที่ต้องนำความสงบสุขมาสู่บ้านเมือง หากทางกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ยอมทำตาม ตนก็มีมาตรการไว้ในใจแล้ว ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร แต่ครั้งนี้จะเป็นการขอร้องครั้งสุดท้าย" พล.ต.อ.โกวิท กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐ , คมชัดลึก , ไอเอ็นเอ็น

2551-08-26

พันธมิตรฯ ประกาศเป้าหมายและวิธีการชุมนุมสร้างประวัติศาสตร์การเมืองไทย


พันธมิตรฯ ออกประกาศ ฉบับที่ 12/2551 กำหนดเป้าหมายและวิธีการชุมนุมสร้างประวัติศาสตร์การเมืองไทย ย้ำใช้สิทธิตาม ม.63 ยึดมั่นแนวทางสันติวิธี ระบุอาจต้องปิดการจราจรและทำให้สถานที่ราชการบางแห่งไม่สามารถเปิดทำการ เพื่อไม่ให้รัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมเข้าทำงานจนสร้างความเสียหายล่มจมต่อประเทศชาติ


ประกาศพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 12/2551
เรื่อง
กำหนดเป้าหมายและวิธีการชุมนุมสร้างประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ณ บัดนี้ได้มาถึงเวลาเช้าวันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551 อันเป็นวันที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจัดชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยมีพลังของกองทัพประชาชนกู้ชาติ ที่ยิ่งใหญ่ ห้าวหาญ เกรียงไกร เปี่ยมไปด้วยพลังทางศีลธรรม ที่สมควรได้รับการคารวะอย่างสูงยิ่ง

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะยังคงธำรงภารกิจศักดิ์สิทธิ์เดิมในการปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พิทักษ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และโค่นล้มระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ตลอดจนสร้างการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติชุดนี้กำลังจะทำให้บ้านเมืองล่มจม เพราะได้ย่ำยีรัฐธรรมนูญทุกรูปแบบ เหิมเกริมถึงขั้นจะฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันแล้วยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อฟอกความผิดให้กับตัวเองและพวกพ้องตลอดจนจะล้มล้างสถาบันองคมนตรี ซ่องสุมอุ้มชูผู้คนเป็นขบวนการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ฉ้อฉลปล้นชาติล้างผลาญเงินงบประมาณเพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตัวและพวกพ้อง ถึงขั้นจะเตรียมการจะปล้นคลังหลวง สร้างรัฐตำรวจกลั่นแกล้งใส่ร้ายประชาชนอย่างไร้ศีลธรรม สร้างอันธพาลป่าเถื่อนของรัฐบาลทำร้ายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ส่งเสริมให้คนชั่วให้มีอำนาจในแผ่นดิน กำจัดคนดีออกจากอำนาจหน้าที่ปกครองบ้านเมือง ขายชาติขายอธิปไตยทำให้สูญเสียดินแดนบนบกและแหล่งพลังงานธรรมชาติในอ่าวไทย มุ่งร้ายและทำลายองค์กรอิสระและสถาบันตุลาการ และใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบใช้หน่วยงานและเครื่องมือของรัฐแทรกแซงสื่อสารมวลชน ให้ข้อมูลเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดในบ้านเมือง

ดังนั้น นับตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป การชุมนุมใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะมีเป้าหมายหลักเพื่อการขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติที่ไร้จริยธรรมให้ออกไปจากการบริหารประเทศโดยเร็วที่สุด อันเป็นหนทางเดียวในการกอบกู้ประเทศชาติ ที่ใกล้ล่มจมอยู่ในขณะนี้ มิให้ต้องล่มจมลงไปในที่สุด

เพื่อบรรลุเป้าหมายในการชุมนุมในครั้งนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกำหนดวิธีการให้กองทัพประชาชนกู้ชาติปฏิบัติดังต่อไปนี้

1. ให้กองทัพประชาชนกู้ชาติได้เข้าร่วมการชุมนุมอย่าง สงบ และปราศจากอาวุธ อันเป็นการใช้สิทธิของประชาชนตามมาตรา 63 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 อย่างเคร่งครัด

ในการนี้ให้พี่น้องประชาชนที่ได้เข้าร่วมการชุมนุม ได้ยึดมั่นในสันติวิธี ไม่ใช้วาจาหรือการกระทำใดๆ ที่เป็นการยั่วยุ และไม่ทำลายทรัพย์สินทางราชการ โดยเด็ดขาด

2. ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์มาโดยตลอดแล้วว่า การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีแต่ความสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธ โดยที่ไม่เคยเกิดเหตุวุ่นวายแม้แต่ครั้งเดียว ดั้งนั้นหากมีผู้ใดก็ตามที่เข้าร่วมชุมนุม และก่อความไม่สงบ ยั่วยุ ก่อกวน สร้างเงื่อนไขให้เกิดการทะเลาะวิวาท กระทำการรุนแรง หรือการทำลายทรัพย์สินทางราชการ ให้ถือว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ไม่หวังดีและเป็นอันธพาลของรัฐบาล ที่ต้องการทำลายความชอบธรรมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการตามขั้นตอนของกฎหมายในทันที โดยให้ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียว

3. เมื่อมีประชาชนเข้ามาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมากเพื่อใช้สิทธิตามมาตรา 63 ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีความจำเป็นต้องปิดช่องการจราจรและอาจถึงขั้นไม่สามารถทำให้สถานที่ราชการบางแห่งเปิดทำการได้

หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือว่าเป็นการสำแดงพลังของกองทัพประชาชนที่ไม่ต้องการให้ประเทศชาติต้องล่มจม จึงไม่ยินยอมให้โอกาสรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมทั้งในทางนิติธรรม และศีลธรรม บริหารประเทศชาติและเข้าทำงานสถานที่ราชการนั้นอีกต่อไป

พร้อมกันนี้ขอเชิญชวนข้าราชการเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพื่อกอบกู้ชาติบ้านเมืองมิให้ล่มจมอย่างพร้อมเพรียง

4. เพื่อความสำเร็จในเป้าหมายในการชุมนุม หากมีการเคลื่อนกองทัพของประชาชน ขอให้พี่น้องประชาชนฟังและปฏิบัติตามคำสั่งและประกาศจากเวทีใหญ่มัฆวาน อย่างมีวินัย และเคร่งครัด

ประกาศ ณ เช้าวันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย



ดย ผู้จัดการออนไลน์
26 สิงหาคม 2551 05:47 น.