2551-07-17

หัวหน้ากลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ แถลงยุตินองเลือด สั่งทุกหน่วยหยุดยิง



คำแถลงฉบับเต็ม-หน.กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้สั่งทุกหน่วยหยุดปฏิบัติการพร้อมอยู่ภายใต้ "ในหลวง"

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 17 กรกฎาคม สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นำเทปบันทึกภาพคำประกาศของกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย ร่วมกันประกาศหยุดปฏิบัติการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุว่า

ข้าพเจ้าในฐานะโฆษกของกลุ่มใต้ดินรวมทางของภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งได้ปฏิบัติการมานานหลาย 10 ปีแล้ว ขอประกาศให้ประชาชนชาวไทยทราบว่า ทางกลุ่มใต้ดินรวมมีมติเป็นเอกฉันท์ประกาศคำสั่งให้มีการหยุดยิง ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2008 หรือ พ.ศ.2551 เวลา 12.00 น. ซึ่งตรงกับ 14 รายัด 1419 ปีฮิจเราะฮฺ หน่วยต่อสู้ทุกกลุ่มของเรา ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายการเมืองจะสนับสนุนการเกิดสันติภาพในภาคใต้ของประเทศไทยนับจากนี้เป็นต้นไป เนื่องจากปัญหาการขัดแย้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1909 หรือ พ.ศ.2452 ซึ่งใกล้จะครบ 100 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นพวกเราจึงตัดสินใจที่จะหยุดข้อพิพาทนี้นับจากวันนี้ (17 กรกฎาคม) เป็นต้นไป พวกเราหวังว่าจะนำความสุขกลับคืนมาสู่ประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนได้มีความอยู่ดีกินดี

พวกเราขอให้หน่วยทหารทุกหน่วยทุกกองของเรา ตลอดจนหน่วยทางการเมืองยึดมั่นในคำสั่งการประกาศหยุดยิง ซึ่งหมายถึงให้มีการหยุดและเพิกถอนคำสั่งในการปฏิบัติการต่างๆ ในทุกชนิด การปะทะกันทางอาวุธ และการก่อความไม่สงบอื่นๆ ในทันที ข้าพเจ้าในฐานะโฆษกและผู้นำของกลุ่มใต้ดินรวมขอให้ทุกหน่วยหยุดปฏิบัติการก่อความไม่สงบต่างๆ โดยทันที และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยต่อสู้ที่ยังไม่ได้รับทราบคำสั่งนี้มาก่อน จากการประกาศแถลงการณ์ประกาศการตัดสินใจของพวกเรkในวันนี้ หากบุคคลหรือกลุ่มใดก็ตามที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มใต้ดินรวมของเราได้กระทำการใดๆ ขัดขืนต่อคำสั่งประกาศการหยุดยิงของเรา ไม่ว่าจะเป็นการก่อความไม่สงบต่างๆ การลักพาตัว หรือการปะทะต่อสู้ต่างๆ พวกเราถือว่าพวกนี้เป็นพวกอาชญากรที่จะถูกตามจับ และหากจำเป็นก็จะถูกกำจัด

พวกเราพร้อมและยินดีที่จะอยู่ใต้เบื้องพระยุคลบาทของพระเจ้าอยู่หัวและสนับสนุนการเป็นหนึ่งเดียวของประเทศไทยภายใต้กฎของรัฐบาลไทยพวกเราต้องการเข้าสู่สถานการณ์ที่สงบสุขและมีสันติภาพ พี่น้องประชาชนที่รัก เราควรตระหนักถึงการหยุดยิงนี้ว่า เป็นการประทานพรจากพระเจ้าสำหรับประชาชนทางภาคใต้และประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ เพื่อที่จะแสดงออกถึงความกตัญญูและความผูกพันที่มีต่อประเทศที่เรารัก ผู้นำทางศาสนาและผู้นำทางด้านการเมืองของเราทุกระดับจะจัดการชุมนุมและการเฉลิมฉลองเพื่อให้พี่น้องเห็นถึงผลดีในการยิงหยุดนี้

พวกเราสนับสนุนให้ประชาชนทุกศาสนาในภาคใต้ โดยเฉพาะชาวพุทธและชาวมุสลิมให้อยู่รวมกันอย่างสงบสุข พวกเราปรารถนาให้ประเทศเพื่อนบ้านได้มาร่วมในการให้คำปรึกษาในการแก้ไขปัญหาการขัดแย้งนี้ด้วย พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รัก ความต้องการสูงสุดของข้าพเจ้าและกลุ่มคือการยุติการนองเลือดและการสูญเสียชีวิตของประชาชนทางภาคใต้ของประเทศไทยตลอดไป เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้กลับมาอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุข

ข้าพเจ้าขอย้ำให้ประชาชนชาวไทยทราบอีกครั้งว่า หน่วยกำลังของกลุ่มใต้ดินทุกหน่วยจะหยุดปฏิบัติการก่อความไม่สงบทุกชนิดนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รัก พวกเราทุกคนมีพระเจ้าองค์เดียวที่พวกเราต่างเชื่อถือและพวกเราทุกคนต่างรักและเคารพพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวกัน ขอให้พระเจ้าคุ้มครองพระเจ้าอยู่หัวของเราและประชาชนของเรา พวกเราปรารถนาให้มีความสงบสุขและสันติภาพเกิดขึ้นนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปและตลอดไป


ภาพและข้อมูลจาก http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=2510

คลิปวีดีโอจาก http://youtube.com/watch?v=qq6_Tm8WE1o

2551-07-15

กัมพูชาจับ 3 คนไทย หลังปีนเข้าปราสาทพระวิหาร




จากกรณีที่ 3 คนไทย ของกลุ่มธรรมยาตรา ประกอบด้วย นายวิชาญ ทับซ้อน น.ส.ชนิกานต์ เต่านอก และพระคำพอง ถูกทหารกัมพูชาควบคุมตัวไว้ หลังฝ่าแนวรั้วกั้นบริเวณพื้นที่ทับซ้อน ผามออีแดง เชิงเขาพระวิหาร เพื่อเข้าไปนั่งปฏิบัติธรรม เมื่อเวลา 06.30 ของเช้าวันนี้ (15 กรกฎาคม)

ล่าสุด นายวีรพันธ์ วัชราทิตย์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ให้สัมภาษณ์ว่า ทางกระทรวงกลาโหมของประเทศกัมพูชาได้ยืนยันว่า มีการปล่อยตัว 3 คนไทยออกมาแล้ว ตั้งแต่เวลา 11.30 น.

ขณะที่ นายสมาน ศรีงาม ประธานสภาประชาธิปไตยแห่งชาติ และเป็นหนึ่งในแกนนำ กลุ่มธรรมยาตรา กล่าวว่า เมื่อวานนี้ ได้นำชาวบ้านกว่า 100 คน ตั้งเวทีบริเวณผามออีแดง เชิงเขาพระวิหาร ด้านข้างสำนักงานอุทยานแห่งชาติผามออีแดง โดยจุดเกิดเหตุอยู่ตรงประตูเหล็ก ที่ชาวกัมพูชาปิดไว้ โดยทางกลุ่มได้ปีนบุกข้ามรั้วลวดหนามเข้าไปนั่งปฏิบัติธรรมใกล้กับชาวกัมพูชา เพื่อให้เห็นว่าต้องการผลักดันอย่างอหิงสาปฏิบัติธรรมเพื่อให้เขาออกไป

นายสมาน กล่าวต่อว่า ขณะเกิดเหตุการณ์ตนได้บันทึกเทปวิดีโอเอาไว้แล้ว ตอนแรกมีคุณยายชาวกัมพูชามากราบไหว้พระคำพอง แต่สักพักมีทหารและตำรวจเข้ามา โดย 2 ฝ่ายไทยและกัมพูชาเริ่มโต้เถียงกัน ซึ่งทหารของไทยขอเจรจาข้ามรั้ว ขอให้ส่งคนไทยกลับ แต่เขาไม่ยอมเปิด และไม่ยอมให้ใครเข้าไป ต่อมาก็นำตัวทั้ง 3 คน ขึ้นไปตรงปราสาทพระวิหาร โดยทั้ง 3 คนนั่งอยู่ห่างรั้วประมาณ 5 เมตร

พร้อมกันนี้ นายสมาน ยังกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อกับทั้ง 3 คนได้ เนื่องจากมีการยึดมือถือไป แต่เขาบอกว่าจะไม่ทำอันตรายเรา ส่วนการส่งตัวแทนไปเจรจานั้น ขณะนี้กำลังประสานทางผู้ใหญ่อยู่ ซึ่งเราก็รออยู่ที่หน้าประตู และอดอาหารเพื่อใช้วิธีอหิงสารักษาอธิปไตยของไทย



ข้อมูลและภาพประกอบจาก http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=2494

2551-07-14

ค่ำวันที่ 4 กรกฎาคม 2505 หลังจากศาลโลกตัดสินให้ปราสาทพระวิหาร ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชา ได้ประมาณ 20 วัน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีของไทย ในขณะนั้น ได้กล่าวปราศรัยผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียง แห่งประเทศไทย แสดงความรู้สึกต่อการสูญเสียปราสาทพระวิหา ร และยืนยันสิทธิ์ที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหาร ในอนาคต ดังนี้



credit by: http://www.youtube.com/watch?v=lZE2ew1oL8U


2551-07-13


เขมรโห่ไทย ชายแดนเครียด!!

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 กรกฎาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจถึงกรณีปราสาทพระวิหาร โดยก่อนเข้าพบหารือ นายปองพลได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นผู้มาขอเข้าพบเองเพื่อมาชี้แจงข้อเท็จจริง รวมทั้งได้นำเอกสารมติคณะกรรมการมรดกโลกมาให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ดูด้วย

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่ากรณีที่มติของคณะกรรมการมรดกโลกจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย เพราะประเทศกัมพูชาเป็นผู้เสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เรื่องต่างๆ ก็ต้องไปลงที่กัมพูชา ไม่ใช่ประเทศเรา มติตอนท้ายก็มีเงื่อนไข 4 ข้อ ที่ว่าขึ้นทะเบียนแล้วประเทศกัมพูชาต้องทำอะไรบ้าง คิดว่าการกระทำของประเทศกัมพูชาจะไม่กระทบกับประเทศไทย เพราะทำอยู่ในเขตดินแดนของเขา เมื่อปีที่ผ่านมาประเทศกัมพูชาเสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารรวมกับพื้นที่ทับซ้อน เราก็ไปเจรจาจนเหลือแต่ตัวปราสาท จึงชัดเจนว่าไม่รุกล้ำมาในดินแดนไทย ทางคณะกรรมการมรดกโลกก็เป็นพยาน และยืนยันว่าไม่รุกล้ำเข้ามา

ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าความรู้สึกของประชาชนรู้สึกว่า ประเทศไทยได้เสียดินแดนไปแล้ว ประธานคณะกรรมการมรดกโลกไทยตอบว่า จึงต้องออกมาชี้แจงว่าเรายังไม่ได้สูญเสียอะไรไปเลย ส่วนที่มีหลายฝ่ายออกมาระบุว่าเราสูญเสียอธิปไตยเหนือดินแดนนั้น เราก็ไม่มี เราก็ทำเหมือนเดิมที่ปฏิบัติมา 46 ปี อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ หากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องการให้ไปชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนี้ก็ยินดี แต่ขอปฏิเสธที่จะชี้แจงบนเวทีพันธมิตรฯ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน กลุ่มพลังมวลชนนับร้อยคนที่มารวมตัวกันบริเวณชายแดนเขาพระวิหาร ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้เริ่มเคลื่อนขบวนไปตามถนนลาดยาง ถึงจุดผ่อนปรนออกหนังสืออนุญาตเดินทางเข้า - ออกนอกประเทศ ที่ได้วางศาลาไทยไว้ตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้ว โดยยกศาลาเคลื่อนไปข้างหน้า แต่พ.อ.ธัญญา เกียรติสาร ผบ.กรมทหารพรานที่ 23 พ.ต.ท.ทิพพงษ์ ทิพยเกสร สวญ.สภ.บึงมะลู นายประเสริฐ อร่ามศรีวรพงษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์ อนุญาตให้เคลื่อนศาลาไปได้อีก 59 เมตร แทนที่จะเคลื่อนไปจนสุดทางระยะ 99 เมตร สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มเรียกร้อง แต่หลังจากเปิดฉากเจรจาอยู่พักหนึ่งทางกลุ่มจึงยอม

จากนั้นแกนนำกลุ่มคนกันทรลักษ์พิทักษ์เขาพระวิหาร ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องถึงผู้บัญชาการทหารบก ผ่าน พ.อ.ธัญญา จำนวน 3 ข้อคือ 1.ให้ผลักดันชาวกัมพูชาที่ล้ำแดนออกไปภายในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ 2.ให้นำธงไทยไปปักไว้ที่บันไดขั้นที่ 16 นับจากปราสาทหลังที่ 1 ลงมา และ 3.ให้ปักปันเขตแดนให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน โดยจะระดมกลุ่มพลังมวลชนมารับฟังข้อเรียกร้อง ภายในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่กลุ่มม็อบทำกิจกรรมอยู่นั้น ทางฝ่ายกัมพูชาที่ตลาดได้ขึ้นบนหลังคาบ้านดู พร้อมตะโกนโห่ฮา นายทหารคนหนึ่งกล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้จะมีกลุ่มม็อบเรียกร้อง ฝ่ายกัมพูชาก็จะดูแบบนิ่งเงียบ เริ่มมีครั้งนี้ที่ตะโกนโห่ฮา จึงเป็นห่วงสถานการณ์ว่าจะรุนแรงมากขึ้น

ข้อมูลและภาพประกอบจาก http://thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=96819

พบหลักฐานใหม่พระวิหาร สายน้ำปราสาทอยู่ฝั่งไทย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสนทนาเรื่อง "ปราสาทพระวิหาร…ความข้อใหม่ทางวิชาการที่กัมพูชาและยูเนสโกขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก" ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร วานนี้ (11 ก.ค.) นายศักดิ์ชัย สายสิงห์ อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้นำเสนอข้อมูลใหม่เกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหาร ว่า นักวิชาการหลายท่านพบหลักฐานว่า


มีศิวลึงค์บริเวณที่มีสายน้ำไหลผ่านลงไปยังสระตราว เปรียบดังสายน้ำศักดิ์สิทธิ์ คล้ายผ่านพิธีกรรมทางศาสนาตามธรรมชาติ สายน้ำบ่งบอกว่า ผู้ที่ใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ คือ ชุมชนที่สายน้ำไปถึง พิสูจน์ได้จากภาพถ่ายทางอากาศ จะเห็นชัดเจนว่า สายน้ำจากสระตราวจะไหลไปรวมกันที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ปัจจุบันอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า "โนนหนองกระเจา" ในเขตฝั่งไทยที่เคยพบหลักฐานมีชุมชนตั้งอยู่จริง

อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะฯ กล่าวต่อว่า ดังนั้น การขึ้นทะเบียนมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาทแก่กัมพูชาฝ่ายเดียว จะขาดองค์ประกอบ คือ ผู้ใช้น้ำจากปราสาท ขาดความเป็นของแท้ดั้งเดิม และยังสร้างความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งนี้ ตนจะส่งข้อมูลแก่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเสนอคณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาให้ 2 ประเทศ เป็นเจ้าของปราสาทร่วมกันโดยไม่มีเส้นเขตแดนมาแบ่ง และคำนึงถึงภูมิทัศน์วัฒนธรรมที่สมบูรณ์





ข้อมูลจาก
http://hilight.kapook.com/view/26400
ภาพประกอบจาก
http://travel.sanook.com/story_picture/m/01219_026.jpg
วีดีโอจาก http://www.youtube.com/watch?v=lZE2ew1oL8U